เบื้องหลัง Google Maps แอปฯ ฟรีที่เราใช้ทุกวัน จักรวาลข้อมูลที่ทำเงินเป็นแสนล้าน

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เบื้องหลัง Google Maps แอปฯ ฟรีที่เราใช้ทุกวัน จักรวาลข้อมูลที่ทำเงินเป็นแสนล้าน

Date Time: 7 เม.ย. 2568 00:56 น.

Video

Nokia ทำยังไง? ทุกวันนี้ถึงทำธุรกิจสบายกว่าตอนขายมือถือ | Digital Frontiers

Summary

  • Google Maps เป็นเสมือนสตอล์กเกอร์โลกดิจิทัลที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบริการที่มีต้นทุนสูงขนาดนี้ถึงไม่เก็บค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว ความจริงแล้ว Google Maps สร้างรายได้มหาศาลระดับแสนล้านบาทต่อปี รายการ Digital Frontiers ทางช่อง YouTube : Thairath Money ได้วิเคราะห์ 3 กลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจแบบ Google Maps แข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถแทนที่ได้

Latest


Google Maps เป็นเสมือนสตอล์กเกอร์โลกดิจิทัลที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบริการที่มีต้นทุนสูงขนาดนี้ถึงไม่เก็บค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว ความจริงแล้ว Google Maps สร้างรายได้มหาศาลระดับแสนล้านบาทต่อปี รายการ Digital Frontiers ทางช่อง YouTube : Thairath Money ได้วิเคราะห์  3 กลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจแบบ Google Maps แข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถแทนที่ได้

จุดเริ่มต้นของ Google Maps

ย้อนกลับไปในปี 2003 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พี่น้องชาวเดนมาร์ก ลาร์ส และ เยนส์ ราสมุสเซน พร้อมเพื่อนอีกสองคนคือ โนเอล กอร์ดอน และสตีเฟ่น หม่า ได้ร่วมกันก่อตั้งสตาร์ทอัพชื่อ "Where 2 Technologies" เพื่อพัฒนาโปรแกรมแผนที่สำหรับเดสก์ท็อป

ต่อมาในปี 2004 พวกเขาได้นำเสนอไอเดียธุรกิจต่อ Google ซึ่งแม้ในตอนแรก Google จะไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อผู้ก่อตั้งแนะนำให้เปลี่ยนจากแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปเป็นแพลตฟอร์มเว็บที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า Google จึงตัดสินใจเข้าซื้อกิจการในที่สุด ด้วยราคาที่คาดว่าต่ำกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปีเดียวกันนั้น Google ยังได้ซื้อกิจการอีกสองบริษัทที่สำคัญ ได้แก่:

  • Keyhole - บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีแผนที่ 3 มิติจากภาพถ่ายดาวเทียมและทางอากาศ ซึ่งต่อมากลายเป็น Google Earth ด้วยมูลค่าการซื้อประมาณ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ZipDash - สตาร์ทอัพด้านการวิเคราะห์ข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ ด้วยมูลค่าเพียง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อกิจการที่คุ้มค่าที่สุดของ Google เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ช่วยให้ Google Maps สามารถแสดงข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ได้

หลังจากใช้เวลาพัฒนาอีกไม่กี่เดือน Google ได้เปิดตัว Google Maps อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2005 เป็นบริการแผนที่ดิจิทัลบนเว็บไซต์ที่ช่วยให้การค้นหาเส้นทางทำได้ง่าย สามารถค้นหาสถานที่ ซูมเข้าออก และเลื่อนแผนที่ได้

ในช่วงแรก Google Maps ไม่ได้ประสบความสำเร็จทันที เนื่องจากตลาดมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง MapQuest และ Yahoo! Maps ครองตลาดอยู่แล้ว แต่ Google ไม่ยอมแพ้ และตัดสินใจรื้อแพลตฟอร์มทั้งหมดเพื่อเพิ่มความเร็วและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

ปี 2007 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Google Maps ด้วยการเปิดตัว 2 ฟีเจอร์สำคัญ:

  • Street View - ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้มองเห็นถนนทั่วโลกราวกับยืนอยู่ที่นั่นจริงๆ
  • Google Maps Mobile - การนำแผนที่ลงสู่โทรศัพท์มือถือ โดยพัฒนาแอปสำหรับ BlackBerry, Palm และโทรศัพท์ Java

นอกจากนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์ "My Location" ที่ใช้สัญญาณเสาโทรศัพท์ระบุตำแหน่งโดยประมาณ ซึ่งสร้างความแตกต่างอย่างมากในยุคที่ GPS ยังไม่ได้ติดตั้งในโทรศัพท์ทุกเครื่อง

การเติบโตในยุคสมาร์ทโฟน

ในปีเดียวกันนั้น (2007) Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรก เริ่มต้นยุคสมาร์ทโฟนโดย Apple ร่วมมือกับ Google นำแผนที่มาใช้บน iPhone ด้วยหน้าจอสัมผัส การซูมด้วยสองนิ้ว และอินเทอร์เฟซที่สวยงาม

ต่อมาปี 2008 Google เปิดตัว Android โดยมี Google Maps เป็นแอปพื้นฐานในทุกเครื่อง ขยายการเข้าถึงแผนที่ให้ผู้ใช้ทั่วโลก

ความร่วมมือกับ Apple ดำเนินไปจนกระทั่งปี 2012 เมื่อ Apple ตัดสินใจพัฒนา Apple Maps เอง แต่เปิดตัวด้วยความล้มเหลว ข้อมูลไม่แม่นยำ จนทำให้ Tim Cook ซีอีโอในขณะนั้นต้องออกมาขอโทษและแนะนำให้ผู้ใช้หันไปใช้แอปอื่นแทน

Google ไม่รอช้า รีบพัฒนา Maps สำหรับ iOS ทันที ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก มียอดดาวน์โหลดเกิน 10 ล้านครั้งใน 48 ชั่วโมงแรก

ในปี 2013 Google ยกระดับความสามารถด้วยการซื้อ Waze มูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นแอปนำทางที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในการรายงานอุบัติเหตุ จราจรติดขัด หรือด่านตรวจแบบเรียลไทม์ การซื้อครั้งนี้ไม่เพียงได้เทคโนโลยีล้ำค่า แต่ยังเป็นการกำจัดคู่แข่งที่มีศักยภาพไปพร้อมกันด้วย

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ จนถึงปัจจุบัน Google Maps มีผู้ใช้มากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือน และได้พัฒนาเป็นมากกว่าแค่แอปนำทาง กลายเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลร้านค้าแบบเต็มรูปแบบที่เราสามารถใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แม้ Google จะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในงบการเงิน แต่ Morgan Stanley เคยประมาณการว่าในปี 2023 เพียงปีเดียว Google Maps สร้างรายได้มากกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 3.7 แสนล้านบาท)

ทำไม Google Maps ถึงประสบความสำเร็จและสร้างรายได้มหาศาล  ?

1. การทุ่มทุนมหาศาลเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด

Google ไม่ลังเลที่จะลงทุนทรัพยากรมหาศาลเพื่อสร้าง Google Maps ให้เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในตลาด:

ส่งรถ Street View กว่า 1,000 คัน ออกไปถ่ายภาพถนนทั่วโลก แต่ละคันมีมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในพื้นที่ที่รถเข้าไม่ถึง Google ออกแบบ "Street View Trekker" เป็นเป้สะพายหลังติดกล้อง 360 องศา ให้พนักงานสะพายเดินถ่ายภาพ ปัจจุบันมีภาพถนนกว่า 16 ล้านกิโลเมตร ครอบคลุมมากกว่าร้อยประเทศ

พัฒนาเทคโนโลยีเบลอใบหน้า ป้ายทะเบียนรถ และเปิดให้มีการร้องขอเบลอบ้านทั้งหลังได้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว

การลงทุนอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ Google Maps มีฟีเจอร์ที่คู่แข่งไม่สามารถทัดเทียมได้ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยากจะเทียบ ส่งผลให้ครองตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ

2. โมเดลธุรกิจแข็งแกร่งพร้อมข้อมูลที่สร้างรายได้ไม่สิ้นสุด

Google Maps ไม่ได้เป็นเพียงแค่แผนที่ แต่เป็นฐานข้อมูลมหาศาลของโลกจริงที่สามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายรูปแบบ:

  • การโฆษณาที่แนบเนียน - โลโก้ร้านค้าบนแผนที่ คือ "Promoted Pins" ที่ธุรกิจจ่ายให้ Google เป็นรายเดือนเพื่อโดดเด่นกว่าคู่แข่ง และร้านที่ปรากฏอันดับแรกๆ เมื่อค้นหา "ร้านอาหารใกล้ฉัน" ก็จ่ายเงินเพื่อตำแหน่งพิเศษนี้
  • การขาย API ให้บริษัทอื่น - แผนที่ที่เราเห็นในแอปอย่าง Uber, DoorDash หรือ Airbnb คือ Google Maps ทั้งสิ้น ธุรกิจเหล่านี้จ่ายค่า API ให้ Google ตามจำนวนการใช้งาน ในช่วง 2016-2018 Uber เพียงรายเดียวจ่ายถึง 58 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันมีกว่า 5 ล้านเว็บไซต์และแอปที่จ่ายเงินใช้บริการเหล่านี้
  • การขายข้อมูลเชิงลึก - Google Maps เก็บข้อมูลทั้งการเดินทาง พฤติกรรมผู้บริโภค ความหนาแน่นของร้านค้า และการเปลี่ยนแปลงของเมือง ข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาลเมื่อนำไปวิเคราะห์และขายต่อ

นอกจากนี้ Google Maps ยังผสานไปกับทุกบริการของ Google ทำให้ระบบนิเวศทั้งหมดแข็งแกร่งขึ้น และช่วยเพิ่มมูลค่าของโฆษณาบน Google ทั้งระบบ

3. กลยุทธ์ความ "ฟรี" ที่สร้างวงจรการเติบโต

กลยุทธ์อันชาญฉลาดของ Google Maps คือการให้บริการฟรีกับผู้ใช้ทั่วไป แต่เก็บเงินจากธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงผู้ใช้เหล่านั้น:

  • ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้แผนที่คุณภาพสูงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ธุรกิจจ่ายเงินเพื่อแสดงโลโก้บนแผนที่ หรือปรากฏในผลการค้นหาอันดับต้นๆ
  • บริษัทเทคโนโลยีจ่ายค่า API เพื่อใช้ข้อมูลแผนที่ในแอปของตัวเอง

ยิ่งมีผู้ใช้มาก ยิ่งมีธุรกิจจ่ายเงินให้ Google เพื่อเข้าถึงผู้ใช้เหล่านั้นมากขึ้น สร้างวงจรที่เสริมกันและกัน ทำให้ Google Maps เติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมที่คนส่วนใหญ่หันมาใช้โดยอัตโนมัติ ทำให้คู่แข่งแทบไม่มีโอกาสเข้ามาในตลาดนี้ได้

หากประเมินมูลค่า Google Maps เพียงอย่างเดียว จะมีมูลค่าประมาณ 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าของ Mercedes Benz

จากสตาร์ทอัพเล็กๆ ในออสเตรเลียที่ Google ซื้อมาด้วยเงินไม่ถึง 50 ล้านดอลลาร์ สู่แพลตฟอร์มที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนกว่าพันล้านทั่วโลก Google Maps เป็นตัวอย่างของการที่บริษัทสามารถเปลี่ยนไอเดียธรรมดาให้กลายเป็นธุรกิจมูลค่ามหาศาลได้

ปัจจุบัน เราแทบจะนึกไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรโดยไม่มี Google Maps อำนวยความสะดวกในการเดินทางของเรา


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ